วันพุธที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2555

ชีวิตที่เพิ่งผ่านพ้นไป

    งานที่กระหน่ำซ้ำเติมเข้ามา เป็นเพราะว่า เราหมกมันไว้ หมกไว้ หมกไว้ จนหางหมู ขาดเหอะ เยอะไปมั้ย ?  พอมาทำจริงๆ ไม่รู้ทำไรก่อนดี สำคัญเหมือนกันหมด ลำดับความสำคัญไม่ได้เลย เหลือบกันนิดเดียวเลย ชีวิตเหนื่อย เครียด เบื่อ ลำพังเรียนไม่ได้เครียดมากเท่าไร แต่เรื่องส่วนตัว มันมีอะไรมากมายเกินไป เรื่องทุกอย่างกระหน่ำเข้ามา จู่โจมศุภลักษณ์ จนศุภลักษณ์ ทรุดไปพักนึง ตั้งตัวไม่ทัน ถามตัวเอง ว่านี่เบญเพส หรือาเพศ กันแน่ชีวิต .....55 แต่นะ ในวันที่เราเศร้าสุด เหงาสุด เหนื่อยสุด คงไม่มีหรอก เพราะมันจะมีเรื่องเรื่อยๆ มาทดสอบความ อดทนแข็งแกร่งของเรานั่นเอง
     แต่ในหลายๆวันที่เราแย่.....ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมาแต่ไกล รับสาย "แม่" แค่เห็นชื่อน้ำตาก็ไหลแล้ว กลั้นใจพูดกับแม่โดยปกปิดความเครียดทั้งหลายไว้ไม่บอกแม่ พยายามร่าเริงแต่เหมือนแม่รู้ว่าเราแย่ ทั้งๆที่ไม่ได้บอกอะไร แม่ถามทานข้าวยัง เราบอกแม่ว่ากินมาม่าอยู่หนะแม่ แม่ก็ไม่พูดอะไร วางสายไป
อีกวัน แม่โทรมาอีก พร้อมกับคำถามว่า เมื่อวานทานมาม่าอ่ะ ไม่มีเงินไปกินข้าวเหรอเลยกินแต่มาม่า ไม่มีเงินบอกสิ แม่โอนให้มั้ย ? จบประโยคนั้น กลั้นน้ำตาไม่อยู่เลย บอกแม่ไปว่ามีเงินแต่หนูไม่มีแรงไปกินอะไร มันเหนื่อย แค่อยากกินไรคนเดียวเท่านั้นเอง.......ที่สุดเลยนะคำว่าแม่ แม่เก็บรายละเอียดทุกอย่าง แล้วใส่ใจทุกอย่าง........วันนั้นกินข้าวไม่ลงเลยนั่งคิดที่แม่พูดกับเรา แม่ยิ่งใหญ่ในใจลูกเสมอ ไม่เบื่อเลยจะบอกรักแม่ทุกครั้ง.......^___^
   สุดท้าย.......บ่นมากพอแล้ว พอก่อนไปทำงานก่อน แล้วจะกลับมาเขียนใหม่ นานเจอกันทีเขียนยาวหน่อย 5555

The letter Y____Y

       จดหมาย...สื่อรัก

อยู่ๆ ก็นึกถึงพ่อขึ้นมา.....นี่ใกล้เดือนที่ต้องทำบุญให้พ่อแล้วสินะ จากกันหลายปีพ่อคงสบายอยู่บนสวรรค์สิเนอะ เมื่อก่อนคิดถึงพ่อจะเปิดเพลง “จดหมายถึงพ่อ” ฟังบ่อยๆ งั้นจัดไปฟังซะ....




        ฟังแล้วมันก็เศร้า คิดถึงพ่อทุกๆวัน ถ้าที่บนสวรรค์มีตู้รับจดหมายก็ดีสิ ข้าพเจ้าจะเขียนจดหมายถึงพ่อทุกวันเลย ว่าแต่การเขียนจดหมายเดี๋ยวนี้ดูเหมือนจะล้าสมัยไปแล้ว เพราะในยุคของ 3G แรงทุกที่อย่างนี้ ข้อมูลข่าวสาร ข้อความต้องการส่งมันง่าย มันเร็ว ส่งเร็ว รับเร็ว แต่....มันไม่คลาสสิคค่ะ มันไม่ประทับใจ ตอนประถมวิชาภาษาไทย ให้เขียนจดหมายถึงเพื่อนต่างโรงเรียน แหมข้าพเจ้าละชอบมาก ได้โม้เรื่องไม่เป็นเรื่อง แต่ในใจลึกๆก็กลัวเค้าไม่ส่งตอบกับมา กลัวไม่ได้คะแนน 



แล้วศุภลักษณ์ก็มาสะดุดที่วีดิโอหนึ่ง ของTeacher TV ชื่อตอนว่า “ครูดีศรีอัมพร นวัตกรรมแห่งความรัก” มาเรามาลองดูวิดีโอนี้กัน.. ^____^



ดูแล้วน่ารักนะคะ จากวีดิโอนี้ ครูศรีอัมพรได้สร้างนวัตกรรมแห่งการสอน โดยใช้ชื่อว่า “นวัตกรรมแห่งความรัก” โดยจะสอนนักเรียน เรื่องการเขียนจดหมายส่วนตัว ในวิชาภาษาไทยระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โดยครูศรีอัมพรมีแนวว่า
1)      ให้นักเรียนฝึกทักษะ ฟัง พูด อ่าน เขียน ฝึกการใช้ภาษา โดยมีวรรณคดี และวรรณกรรมเป็นตัวดำเนินเรื่อง
2)    ปลุกเร้าความคิดของนักเรียนในการเรียน วิชาภาษาไทย ซึ่งเป็นวิชาที่มีกฎเกณฑ์ที่ยากให้นักเรียนเข้าใจมากขึ้น
3)    ให้นักเรียนฝึกทักษะการคิด ไปพร้อมกับกระบวนการเรียนรู้
4)    นักเรียนบอกได้ว่าเรียนรู้อะไรไปบ้าง
5)    นักเรียนบอกได้ว่าที่เรียนรู้ไป สามารถนำไปประยุกต์ในชีวิตประจำวันได้อย่างไร

จากบรรยากาศในการเรียน นักเรียนเกิดการเรียนรู้โดยได้เรียนรู้จากแหล่งเรียนรู้ที่แท้จริง และมีสื่อที่เป็นนิทานเรื่อง “จดหมายเจ้าหมู” เป็นสื่อที่ทำให้นักเรียนเกิดกระบวนการคิดและกระบวนการเรียนรู้ จากนั้นได้ลงมือปฏิบัติการเขียนจดหมายจริงๆ และมีการวัดประเมินวัดโดยการประเมินผลกันแบบมีส่วนร่วม ผลแห่งการใช้นวัตกรรมการสอนทำให้เห็นว่ามีผลตอบรับที่ดีจากตัวนักเรียน บรรยากาศแห่งการเรียนรู้มีความสนุกสนานนักเรียนเกิดความรู้และเข้าใจในเรื่องที่เรียนอย่างแท้ จริงนอกจากการเขียนจดหมายแล้วยังมีการบูรณาการ เข้ากับวิชาศิลปะ ในเรื่องการออกแบบอีกด้วย
เป็นตัวอย่างที่ดีในด้านนวัตกรรมการสอน ปฏิรูปการสอนแบบเดิม การใช้สื่อแบบเดิมๆ แต่หากลองเปลี่ยนแนวคิดใหม่ ผลแห่งการเปลี่ยนแปลงกลายเป็นผลดีจะเกิดที่ตัวนักเรียน บางคนอาจมองว่าการเขียนจดหมายไม่สำคัญในปัจจุบัน แต่จริงๆแล้วการเขียนไม่ว่าจะเขียนอะไร ต่างก็ต้องใช้ทักษะอย่างมาก การเขียนเป็นการสื่อความหมายให้คนอื่นเข้าใจ ดังนั้นทักษะการเขียนก็เป็นทักษะที่สำคัญ อย่างที่ครูศรีอัมพรทำเป็นต้นแบบ เป็นนวัตกรรมที่ดีสามารถนำไปปรับใช้กับในวิชาอื่น เพื่อเป็นการเปลี่ยนมุมมองใหม่ อาจจะเป็นผลดีแล้วเกิดนวัตกรรมการสอนแบบใหม่ขึ้นเป็นการต่อยอดทางการศึกษาอย่างงดงามค่ะ
สุดท้ายตอนเด็กๆ ข้าพเจ้าชอบเขียนหน้าซองจดหมายก่อนส่งให้เพื่อนว่า “ยิ้มก่อนอ่าน ตาหวานก่อนเปิด” รักคนอ่านค่ะ ^_____^

วันพฤหัสบดีที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ยินดีที่ได้รู้จัก ASEAN


   สวัสดี   ASEAN นี่เธอหน้าตาเป็นอย่างไร ขอทำความรู้จักหน่อยสิ  ?



ASEAN ที่เราต้องทำความรู้จัก ไม่ได้มีแค่ด้านเศรษฐกิจเท่านั้น แต่ในด้านอื่นๆ ที่่เราต้องรู้จักและปรับตัวให้เข้ากับ ASEAN อีกอย่างหนึ่ง คือ ด้านการศึกษาซึ่งในระดับอุดมศึกษานั้นได้กำหนด ยุทธศาสตร์อุดมศึกษาไทยในการเตรียมความพร้อมสู่การเป็นประชาคมอาเซียน โดยมียุทธศาสตร์ ดังนี้
๑  การเพิ่มขีดความสามารถของบัณฑิตให้มีคุณภาพมาตรฐานในระดับสากล
๒  การพัฒนาความเข้มแข็งของสถาบันอุดมศึกษาเพื่อการพัฒนาประชาคมอาเซียน

๓  การส่งเสริมบทบาทของอุดมศึกษาไทยในประชาคมอาเซียน
 พันธกิจ

๑. อุดมศึกษาไทยผลิตบัณฑิตที่มีคุณภาพระดับสากลและมีความตระหนักในการเป็นส่วนหนึ่งของประชาคมอาเซียน

        ๒. อุดมศึกษาไทยพัฒนาศักยภาพในการจัดการการอุดมศึกษาให้มีคุณภาพร่วมกับประเทศสมาชิกอาเซียน

เป้าหมาย

        ๑. ความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษของบัณฑิตไทยอยู่ในระดับที่ทัดเทียมกับบัณฑิตในประเทศสมาชิกอาเซียน

๒. สถาบันอุดมศึกษาทุกแห่งจัดการเรียนการสอนที่เอื้อต่อการเป็นประชาคมอาเซียนภายในปีพ.ศ. ๒๕๕๘

๓. สถาบันอุดมศึกษาไทยมีจำนวนกิจกรรมทางวิชาการที่ทำร่วมกับประเทศสมาชิกอาเซียนเพิ่มมากขึ้นในแต่ละปี

๔. จำนวนบัณฑิตที่สำเร็จการศึกษาจากสถาบันอุดมศึกษาไทยสามารถทำงาน ทั้งในหน่วยงานระหว่างประเทศ บริษัทข้ามชาติในประเทศและ/หรือประกอบการในกลุ่มประเทศอาเซียนเพิ่มขึ้นในแต่ละปี

๕. จำนวนนักศึกษาอาเซียนในสถาบันอุดมศึกษาไทยเพิ่มขึ้นร้อยละ ๒๕ ต่อปี

ตัวชี้วัด

๑. คะแนนการทดสอบภาษาอังกฤษตามเกณฑ์มาตรฐานสากลของนักศึกษาไทยโดยเฉลี่ยอยู่ในระดับที่ทัดเทียมกับประเทศสมาชิกอาเซียนอื่น

๒. จำนวนสถาบันอุดมศึกษาที่จัดการเรียนการสอนเกี่ยวกับอาเซียนและภาษาของประเทศสมาชิกอาเซียน


๓.จำนวนกิจกรรมทางวิชาการที่ทำร่วมกับประเทศสมาชิกอาเซียน

๔. จำนวนบัณฑิตไทยทำงานในหน่วยงานระหว่างประเทศและบริษัทข้ามชาติในไทย และ/หรือประกอบการในกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียน

๕.จำนวนนักศึกษาอาเซียนในสถาบันอุดมศึกษาไทย
 
 จากยุทธศาสตร์ที่สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษากำหนดไว้นั้น มุ่งหวังให้จัดการศึกษาไทยให้เป็นไปตามยุทธศาสตร์ เพื่อพัฒนาคุณภาพมาตรฐานของการศึกษาไทย แต่สำหรับตัวข้าพเจ้าเองที่ยังศึกษาในระดับบัณฑิตศึกษาอยู่ตอนนี้ เมื่อต้องทำความรู้จักกับ ASEAN อยากหลีกหนีไม่ได้ รวมทั้งต้องปรับตัวให้เข้ากับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ข้าพเจ้ามองเห็นว่าจุดอ่อนของบัณฑิตไทย คือภาษาที่ต้องใช้ โดยเฉพาะภาษาอังกฤษที่ไม่ดีเท่าสมาชิกในประเทศอาเซียน เพราะต้องใช้ในการติดต่อสื่อสารกับสมาชิกในประเทศอาเซียน ดังนั้นต้องพัฒนาภาษาอังกฤษโดยเร็ว
เมื่อการศึกษามีการเปิดแบบเสรี ยุทธศาสตร์ก็สนับสนุนให้บัณฑิตไทยทำงานในหน่วยงานข้ามชาติหรือประกอบการในกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียน แต่ข้าพเจ้ามองว่าทำให้เกิดการแข่งขันในการจ้างงาน หรือมีการจูงใจให้ผู้มีความสามารถไปศึกษาหรือทำงานในประเทศสมาชิกอาเซียนได้ ประเทศไทยเองก็จะขาดแคลนบุคคลที่มีความสามารถนี้ให้แก่ประเทศอื่น

ความหลากหลายของเชื่อชาติที่จะเข้ามาเมื่อเข้าสู่ประชาคมอาเซียนนั้น ที่ทำให้เราต้องปรับตัวให้ยอมรับวัฒนธรรมต่างๆที่จะเข้ามาพร้อมกับตัวบุคคล เราต้องยอมรับ และเคารพในความคิดเห็นของคนที่จะมาอยู่ร่วมกับตัวเรามากขึ้นเพื่อการอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขในประชาคมอาเซียน

ข้าพเจ้ามองว่าเมื่อต้องเข้าสู่ประชาคมอาเซียนแล้วนั้น ทุกอย่างนั้นสำคัญหมดไม่ว่าจะภาษาอังกฤษที่ต้องชำนาญ ยิ้มสยามที่เป็นสื่อการบอกความเป็นไมตรี ไม่ว่าอย่างไรเราต้องไปทำความรู้จักกับ ASEAN ให้คุ้นเคยไว้ เพื่อที่จะต้องปรับตัวให้ทัน อย่างไรยังมีเวลา มาร่วมเปลี่ยนแปลงตัวเองเข้าสู่ประชาคมอาเซียน เพื่อความเข้มแข็ง และการอยู่สงบสุขของพวกเราทั้ง 10 ประเทศ

ยังไงก็ "เจมบิรา ดาปัด เบอเตมู อันดาASEAN  (ยินดีที่ได้รู้จัก นะคะ ASEAN) 

        



  

        









































วันพฤหัสบดีที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

สื่่อสังคมออนไลน์กับการศึกษา

  
"น้องแว่น" เด็กหนุ่มที่ร้องลิปซิงค์เพลง "เสียใจแต่ไม่แคร์" ที่ทำปากและท่าทางเลียนแบบต้นฉบับนักร้องสาว"หวาย" อย่างชนิดที่ศัพท์วัยรุ่นเรียกว่าทั้งเป๊ะ ทั้งเริ่ด !


     หลังจากที่น้องแว่นโพสคลิปวิดีโดของตัวให้ชาวสังคมออนไลน์รู้ คลิปนี้กลายเป็นคลิปยอดฮิตที่มียอดเข้าชมมากมาย น้องแว่นกลายเป็นคนดังในข้ามคืน บ้างติดใจในลีลา บ้างติดใจน้ำเสียง แต่บ้างก็ฮาในความแอบกลัวแอบกล้าที่หนีแม่มาดังทำนองนี้ ชี้ให้เห็นว่าสื่อสังคมออนไลน์นั้นมีการแพร่ข้อมูลข่าวสารอย่างรวดเร็ว และสื่อสังคมออนไลน์มีอิทธิพลเป็นอย่างมากในปัจจุบัน สื่อนี้ไม่ได้ใช้สำหรับเพื่อ แชร์รูปภาพรอคนมากดไลค์ ระบายความในใจเมื่อยามมีปัญหาอย่างเดียว แต่ปัจจุบันการศึกษาก็ใช้สื่อนี้ในการเรียนการสอนด้วย  รูปแบบการนำบรรดาสื่อออนไลน์ไปใช้หลากหลายแบบ ไม่ว่าจะเป็นการประกาศว่าวันนี้จะมีเรียนที่ไหนอย่างไร อาจารย์เอาเอกสารประกอบการสอนมาแชร์ หรือแม้กระทั้งวิชาที่ข้าพเจ้าเรียนยังใช้สื่อสังคมออนไลน์ ในการเรียนการสอน เพื่อพัฒนาผู้เรียนให้เทคโนโลยีให้เกิดประโยชน์อีกด้วย


ห้องเรียนออนไลน์สร้างง่ายและทันสมัย


บทบาทของ Social network ต่อการจัดการในชั้นเรียน

     ด้วยลักษณะสำคัญของ Social network คือการมีปฏิสัมพันธ์ของคนในระบบเครือข่าย จึงไม่ใช่เรื่องแปลกนักที่เมื่อมีปริมาณจำนวนคนในเครือคายจำนวนมากจะนำไปสู่การสร้างความเปลี่ยนแปลงสำคัญๆ ให้เกิดขึ้นในสังคมจริงได้ หากจำแนกลักษณะของ Social network ที่ถูกนำเสนอผ่านทาง Social media สามารถสรุปได้ดังนี้คือ
1)  การมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างบุคคลหรือภายในเครือข่าย โดยผู้ใช้สร้างโปรไฟล์ของตนเอง และมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกัน เช่น facebook, Myspace เป็นต้น
2)  การเผยแพร่ความรู้ความเชี่ยวชาญ ซึ่งจะอยู่ในลักษณะของเว็บบล็อกต่างๆ
3)  การเผยแพร่ข้อความสั้น เช่น twitter เป็นต้น
4)  การเพิ่มเติมข้อมูลความรู้ต่างๆ เช่น เว็บ Wikipedia
5)  การเผยแพร่เนื้อหาเฉพาะ การเผยแพร่ภาพ เสียง วีดิโอ เช่น เว็บ youtube , Flickr เป็นต้น


  เครือข่ายสังคมออนไลน์หากนำมาสู่การจัดการเรียนการสอนในชั้นเรียนย่อมก่อให้เกิดข้อดีและข้อเสีย ดังนี้


ข้อดี
ข้อเสีย
       การสร้างความสัมพันธ์ระหว่างสังคมในชั้นห้องเรียน 
       -การกระตุ้นให้เกิดการศึกษาค้นคว้า การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ที่กว้างขวาง 
       -การส่งเสริมการศึกษาตามความสนใจและความถนัด 
       -การส่งเสริมการบันทึกและการอ่าน 
       -การใช้งานเพื่อความบันเทิง เกมมากกว่าการศึกษาค้นคว้า
       -ความจำเป็นของอุปกรณ์การสื่อสาร ซึ่งส่วนใหญ่มีราคาแพงและมีค่าใช้จ่ายที่ต่อเนื่อง
       -การรับข้อมูลที่ไม่ถูกต้องและการขาดวิจารณญาณในใช้การข้อมูล
        -การขาดวิจารณญาณในการนำเสนอข้อมูล เนื้อหาของผู้เรียน ด้วยความสะดวก รวดเร็วใน      -การเผยแพร่ข้อมูลผ่านระบบเครือข่ายสังคมออนไลน์

"เรียนรู้ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ ข้าพเจ้าต้องทำอย่างไร"



     สำหรับตัวข้าพเจ้าเองนั้นใช้งานสื่อสังคมออนไลน์ทุกวัน เล่นผ่านคอมพิวเตอร์บ้าง โทรศัพท์บ้าง เรียกว่าเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตไปแล้ว ส่วนใหญ่จะเป็นเพื่อความบันเทิงเสียมากกว่า แต่ในปัจจุบันนี้ข้าพเจ้ากลับใช้สื่อสังคมออนไลน์ในด้านการศึกษามากขึ้น เช่น การสร้างกลุ่มในfacebook เพื่อติดต่อสื่อสารกับนักเรียนในห้องที่ปรึกษา การสร้างกลุ่มปริญญาโท เพื่อติดต่อเรื่องการทำงานกลุ่ม หรือ การบ้านที่ต้องทำ และการสร้างบล็อกของตัวเอง ข้าพเจ้าต้องเรียนรู้สิ่งใหม่จากสื่อออนไลน์ แล้วนำมาปรับใช้กับตัวเอง ทุกสิ่งเกิดขึ้นเพราะสื่อสังคมออนไลน์เข้ามามีบทบาททำให้เราในฐานะผู้ใช้งานต้องปรับตัวให้เข้ากับสังคมและยุคสมัยที่เปลี่ยนไป แต่อย่าให้สื่อเหล่านี้มามีอิทธิพลกับตัวเรามากเกินไป จนไม่เป็นตัวเอง 

     สังคมมนุษย์สมัยก่อนสงบสุขกว่าตอนนี้ ตอนที่AppleและBlackberryยังเป็นแค่ผลไม้ ทุกท่านว่าจริงรึเปล่าละค่ะ ^____^           




ที่มา: http://www.muallimthai.com  

วันเสาร์ที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2555

วันวานยังขำอยู่ ...

เศร้าไปใย สรวลเสเฮฮาเข้าไว้ชีวิต
           ย้อนไปไกลเมื่อ 29 ปีก่อน ในจังหวัดที่อเหนือสุดของประเทศไทย ดินแดนที่อยู่ติดแม่น้ำโขงฝั่งซ้าย อ. เชียงของ วันศุกร์ ที่ 14 มกราคม 2526 มีเด็กหญิงคนหนึ่งได้ถือกำเนิดในวันนี้ "ด.ญ.ศุภลักษณ์ ไมตรี" ชื่อที่คุณอาเป็นคนตั้งให้ ส่วนชื่อเล่นที่ใครๆ ต่างก็เรียกนั้น มันเป็นชื่อที่แสนจะไฮโซ " หล้า" ชื่อที่ไม่มีใครตั้งให้ แต่เรียกด้วยความรัก และขี้เกียจตั้งชื่อเล่นของญาติพี่น้อง แม่เรียก "ลูกหล้า"  ข้างบ้านเรียก "คำหล้า" ส่วนเพื่อนสนิท เรียก ".....หล้า " ไม่ต้องบอกนะคะว่าอะไร เดาได้ ที่เรียกอย่างนั้นไม่ใช่อะไรเลยนอกจากก๋ากั๋น แสนซน ของตนเอง ตอนเด็กๆ ชอบเล่นแปลงร่างเป็นเซเลอร์มูน กับลูกพี่ลูกน้อง ซึ่งรับบทเป็น หน้ากากทักซิโด้พระเอกในท้องเรื่อง การละเล่นของเราได้ทำลายล้างสวนดอกกุหลาบของคุณลุงอันเป็นที่รักของเรา จนได้รับรางวัลสมน้ำหน้าคุณเป็นการโดนตีแบบไม่นับทั้งสองคน เพราะ ทักซิโด้ต้องคาบดอกกุหลาบตลอดเวลาในการรับบทบาท  ก็คิดดูนะคะว่าเล่นอย่างนี้ทุกวันแปลงร่างทุกวันกุหลาบทั้งสวนก็เอาไม่อยู่  ด้วยการเลี้ยงดูมาให้อยู่กับพี่น้องที่เป็นชายล้วน ดังนั้นกิจกรรมต่างๆ ก็ไม่พ้นกีฬาทำให้ข้าพเจ้าเล่นกีฬาเป็นหลายอย่าง เช่น แฮนด์บอล วอลเล่ย์บอล และ แบดมินตัน เล่นเป็นหลายอย่าง คำถามว่าเก่งสักอย่างหรือไม่? ตอบไม่เลย สนใจไม่ได้หมายความว่าต้องเก่งกาจนะคะ
        ตอนเด็กเรียนประถมเรียนมัธยมในโรงเรียนประจำอำเภอ ประถมก็อนุบาลเชียงของ มัธยมนี้ต้องคิดหนักเนื่องจากว่าเคยคิดจะไปสอบโรงเรียนประจำจังหวัดแต่มีอาจารย์ท่านหนึ่งเคยบอกไว้ว่า "หล้าเลือกเอานะว่า เราจะเป็นหัวหมา หรือ หางมังกร" แน่นอนคะ เราต้องเลือกเป็นหมา เอ้ย! ไม่ใช่ เลือกเป็นหัวหมาสิจะถูกต้องเลยเรียนที่โรงเรียนนี้เรื่อยมาอย่างมีความสุข อักษรย่อโรงเรียนนี้ให้เดานะคะ ว่าโรงเรียนชื่ออะไร นามว่า ช.ข.ว. คะทุกคนคิดเป็นเสียงเดียวในใจว่าจะรู้เรื่องกะแกมั้ย....มันมีความคับแค้นใจในการเรียกชื่อเต็ม ว่าอะไร เคยเข้าไปแข่งขันวิชาการที่โรงเรียนประจำจังหวัด เด็กๆในเมืองเรียกว่า ชาวเขาวิทยาคม แหม มันน่าด่าจริงไม่รู้ว่าเรียกตามอักษรย่อ หรือเรียกตามหน้าตา อยากตะโกนเบาๆ ว่าโรงเรียนเชียงของวิทยาคมนะเธอ.....ชาวเขาอะไรกันจะน่ารักขนาดนี้ 
ก้มหน้ารับกรรม
        ในระดับอุดมศึกษานี้คิดหนักเพราะไม่รู้จะไปทางไหน เรียนก็แสนจะเก่งกาจมีหลายคณะให้เลือก แต่เลือกแล้วไม่ติดนะคะ .....ดังนั้นมาลงเอยที่ คณะศึกษาศาสตร์ สาขาการสอนคณิตศาสตร์ ม.บูรพา เรียนอยู่ 4 ปี มีเพื่อนเป็นหมอนกับผ้าห่มที่ห้อง  ว่างจากเรียนก็นอน ไปหอสมุด ก็ไปหาที่เย็นๆนอน เลยเหลือเพื่อนไม่กี่คน ข้าพเจ้าถือคติที่ว่า Less is more มีน้อยแต่จริงใจก็พอ  สำเร็จการศึกาษมาได้สัก 3 เดือนก็ได้งานเป็นครู ที่สาธิต"พิบูลบำเพ็ญ"ม.บูรพา สอนคณิตศาสตร์ประถม ตั้งแต่ ป.3 - ป.6 รบราฆ่าฟันกับเด็กน้อยมาก็เกือบๆ 5 ปี  คิดไปคิดมามีแต่เรืองอดีต นี้เราแก่ไปแล้วสินะ ว่าแต่เรื่องของวันวานเล่ายังไงก็ยังขำอยู่.....>_<